ในบางครั้งแล้ว การเลือกทานอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งก็ดูจะสะดวกสบายในยุคนี้ และหลายๆผลิตภัณท์หลายๆยี่ห้อก็ทำออกมาหลายๆเมนูให้เหมาะสมกับผู้บริโภค ในข้อดีของการกินอาหารกล่องสำเร็จรูปนั้น ก็มีอยู่บ้าง เช่น การจำกัดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อได้ สำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักสามารถควบคุมจำนวน แคลลอรี่ ในแต่ละวันได้ แต่มองกลับกันในอีกมุมนึงอาหารกล่องก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง วันนี้จะมาพูดถึง ว่าอาหารกล่องนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
1. โซเดียม?
ในอาหารกล่องแช่แข็งนั้นจะมีปริมารโซเดียมอยู่มาก ซึ่งก่อให้เกิดโรคความดันโลหิต และนำพามาให้เป็นโรคหัวใจ จำนวนที่ควรบริโภคต่อวันนั้นไม่ควรเกิน 2,300 มิลลิกรัม ในขณะที่ข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อนั้น หากสังเกตุฉลากจะมีปริมาณโซเดียมสูงถึง 500-800 ม.ก ต่อกล่องเลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่เป็นความดันนั้นควรรักษาระดับโซเดียมให้ไม่ควรเกิน 1500 ม.ก ต่อวัน
2. แคลลอรี่?
อาหารบางอย่างเช่น พิซซ่า สำเร็จรูปนั้นจะมีปริมาณแคลลอรี่สูง หรือว่าจะเป็นเมนูอาหารอบชีสบางอย่างที่ ทางผู้ผลิตใช้วิธีไม่บอกจำนวนแคลลอรี่บนฉลาก ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราไม่สามารถคำนวณแคลลอรี่ได้ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่มีแคลลอรี่ไม่สูงมากนัก หากผู้ใดที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ควรสังเกตุฉลากอาหารที่มีแคลลอรี่ต่ำ หรือ หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่บอกจำนวนแคลลอรี่บนฉลาก
3.ความสะอาด?
แน่นอนว่าอาหารกล่องนั้นสะอาดกว่า อาหารตามสั่งข้างถนนทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะก่อนจะวางขายในชั้นวางได้นั้นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบมากมาย เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ดังนั้นเราอาจจะเห็นว่าไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงจากการบริโภคอาหารกล่องแช่แข็งเลย เพราะทางร้านสะดวกซื้อนั้นจะไม่ปล่อยให้สินค้าหมดอายุนั้นวางขายอยู่เลย นั่นก็เป็นข้อดีต่อผู้บริโภคอย่างเรานั่นเอง
4.อาหารบางอย่าง อุ่นแล้วแต่ก็ยังกินไม่ได้ ?
เททิ้ง? เคยไหมที่ซื้ออาหารแช่แข็งมาแล้ว รับประทานไม่ได้ จนต้องกลายเป็นอาหารของสุนัขไปโดยปริยาย มักจะเกิดขึ้นในอาหารแช่แข็งที่ใช้เวลาอุ่นไม่เพียงพอ หรือ ผลิตภัณท์บรรจุเกิดการเสียหายจนทำให้มีอากาศเข้าไป จนทำให้อาการเกิดเสียหาย และอาหารบางชนิดเช่นพวกแป้ง หากเก็บรักษาไม่ดี อาจจะทำให้อาหารนั้นเสียรสสัมผัสไปเช่น ซาลาเปาที่แช่แข็งไว้นาน ,ราดหน้าเส้นเปื่อย , ข้าวกระเพราที่นำมาอุ่นแล้วข้าวแข็ง
ในการเลือกรับประทานอาหารกล่องนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียปะปนกันอยู่บ้างเล็กน้อย ทางที่ดี ควรเลือกอาหารที่ปรุงเองและควบคุมปริมาณเครื่องปรุงให้พอดี นอกจากจะช่วยให้สุขภาพดีไม่เป็นโรคแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องไปทานอาหารในร้านหรูๆแพงๆอีกด้วย