
มะเร็งตับเป็นโรคที่มีความสำคัญที่พบบ่อยในประชากรทั่วโลกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้มากที่สุดโรคหนึ่ง ระยะแรกมักไม่ค่อยมีอาการแสดง กว่าจะได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกก็มักอยู่ในระยะสุดท้ายของโรคแล้ว โรคมะเร็งตับมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และ มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ แต่ชนิดแรกเป็นชนิดที่พพบบ่อยที่สุดทั่วโลกและพบมากที่สุดในประเทศไทย
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ
- ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
- สารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งปนเปื้อนอยู่ในมล้ดพืช เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น
- โรคทางพันธุ์กรรมและเมตาบอลิกต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดไขมันเกาะตับและเป็นตับแข็งตามมา
- การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น การได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน
อาการของโรคมะเร็งตับ
ระยะแรกมักไม่แสดงอาการแต่เมื่อเป็นมากขึ้นจะแสดงอาการ เช่น ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณข้างขวาส่วนบน ในบางรายมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ท้องบวมขึ้น น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ คลำพบก้อนบริเวณตับ ตัวเหลืองตาเหลือง
การรักษามะเร็งตับ
การรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะความรุนแรงของโรค เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด การผ่าตัดผูกถ่ายตับจะทำในกรณีที่ก้อนในตับมีขนาดน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และผู้ป่วยต้องมีอายุน้อยกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตามการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันและตรวจคัดกรองหามะเร็งตับ เนื่องจาก 90% ของมะเร็งตับเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีควรต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับโดยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับและตรวจอัลตราซาวด์ตับทุก 3 เดือน[:en]มะเร็งตับ
มะเร็งตับเป็นโรคที่มีความสำคัญที่พบบ่อยในประชากรทั่วโลกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้มากที่สุดโรคหนึ่ง ระยะแรกมักไม่ค่อยมีอาการแสดง กว่าจะได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกก็มักอยู่ในระยะสุดท้ายของโรคแล้ว มะเร็งตับมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และ มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ แต่ชนิดแรกเป็นชนิดที่พพบบ่อยที่สุดทั่วโลกและพบมากที่สุดในประเทศไทย
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ
- ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
3.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
- สารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งปนเปื้อนอยู่ในมล้ดพืช เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น
- โรคทางพันธุ์กรรมและเมตาบอลิกต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดไขมันเกาะตับและเป็นตับแข็งตามมา
- การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น การได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน
อาการของโรคมะเร็งตับ
ระยะแรกมักไม่แสดงอาการแต่เมื่อเป็นมากขึ้นจะแสดงอาการ เช่น ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณข้างขวาส่วนบน ในบางรายมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ท้องบวมขึ้น น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ คลำพบก้อนบริเวณตับ ตัวเหลืองตาเหลือง
การรักษามะเร็งตับ
การรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะความรุนแรงของโรค เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด การผ่าตัดผูกถ่ายตับจะทำในกรณีที่ก้อนในตับมีขนาดน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และผู้ป่วยต้องมีอายุน้อยกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตามการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันและตรวจคัดกรองหามะเร็งตับ เนื่องจาก 90% ของมะเร็งตับเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีควรต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับโดยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับและตรวจอัลตราซาวด์ตับทุก 3 เดือน