กลับสู่ด้านบน

มะเร็งตับรู้ทัน มะเร็งตับ

มะเร็งตับเป็นโรคที่มีความสำคัญที่พบบ่อยในประชากรทั่วโลกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้มากที่สุดโรคหนึ่ง ระยะแรกมักไม่ค่อยมีอาการแสดง กว่าจะได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกก็มักอยู่ในระยะสุดท้ายของโรคแล้ว โรคมะเร็งตับมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และ มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ แต่ชนิดแรกเป็นชนิดที่พพบบ่อยที่สุดทั่วโลกและพบมากที่สุดในประเทศไทย

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ
  1. ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
  2. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  3. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
  4. สารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งปนเปื้อนอยู่ในมล้ดพืช เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น
  5. โรคทางพันธุ์กรรมและเมตาบอลิกต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดไขมันเกาะตับและเป็นตับแข็งตามมา
  6. การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น การได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน
อาการของโรคมะเร็งตับ

ระยะแรกมักไม่แสดงอาการแต่เมื่อเป็นมากขึ้นจะแสดงอาการ เช่น ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณข้างขวาส่วนบน ในบางรายมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ท้องบวมขึ้น น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ คลำพบก้อนบริเวณตับ ตัวเหลืองตาเหลือง

การรักษามะเร็งตับ

การรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะความรุนแรงของโรค เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด การผ่าตัดผูกถ่ายตับจะทำในกรณีที่ก้อนในตับมีขนาดน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และผู้ป่วยต้องมีอายุน้อยกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตามการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันและตรวจคัดกรองหามะเร็งตับ เนื่องจาก 90% ของมะเร็งตับเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีควรต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับโดยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับและตรวจอัลตราซาวด์ตับทุก 3 เดือน[:en]มะเร็งตับ

มะเร็งตับเป็นโรคที่มีความสำคัญที่พบบ่อยในประชากรทั่วโลกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้มากที่สุดโรคหนึ่ง ระยะแรกมักไม่ค่อยมีอาการแสดง กว่าจะได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกก็มักอยู่ในระยะสุดท้ายของโรคแล้ว มะเร็งตับมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และ มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ แต่ชนิดแรกเป็นชนิดที่พพบบ่อยที่สุดทั่วโลกและพบมากที่สุดในประเทศไทย

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ

  1. ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
  2. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

3.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี

  1. สารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งปนเปื้อนอยู่ในมล้ดพืช เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น
  2. โรคทางพันธุ์กรรมและเมตาบอลิกต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดไขมันเกาะตับและเป็นตับแข็งตามมา
  3. การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น การได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน

อาการของโรคมะเร็งตับ

ระยะแรกมักไม่แสดงอาการแต่เมื่อเป็นมากขึ้นจะแสดงอาการ เช่น ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณข้างขวาส่วนบน ในบางรายมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ท้องบวมขึ้น น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ คลำพบก้อนบริเวณตับ ตัวเหลืองตาเหลือง

การรักษามะเร็งตับ

การรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะความรุนแรงของโรค เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด การผ่าตัดผูกถ่ายตับจะทำในกรณีที่ก้อนในตับมีขนาดน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และผู้ป่วยต้องมีอายุน้อยกว่า 70 ปี อย่างไรก็ตามการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันและตรวจคัดกรองหามะเร็งตับ เนื่องจาก 90% ของมะเร็งตับเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีควรต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับโดยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับและตรวจอัลตราซาวด์ตับทุก 3 เดือน